- ความก้าวหน้าการดำเนินงาน นอกจากการดำเนินการอย่างเข้มแข็งในการสื่อสารเพื่อทำความเข้าใจกับคณะกรรมการทั้งหมดและองค์กรภาคีที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างความเข้าใจแล้ว คณะกรรมการจัดสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ (คจ.สช.) ครั้งที่ 6 พ.ศ.2556 ได้แต่งตั้งคณะทำงานพัฒนาหลักเกณฑ์และวิธีการจัดสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2556 ตามคำสั่งที่ 8/2556 ลงวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ.2556 มีนายสุรพงษ์ พรมเท้า เป็นประธานคณะทำงาน มีหน้าที่และอำนาจ ในการทบทวนและให้ข้อเสนอแนะต่อการพัฒนาหลักเกณฑ์และวิธีการจัดสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 6 พ.ศ.2556 และนำเสนอผลการดำเนินงานต่อ คจ.สช.เพื่อดำเนินการต่อไป
- คจ.สช. พ.ศ. 2556 ได้ประกาศหลักเกณฑ์และวิธีการจัดสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2556 เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 โดยคำนึงถึงมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 5 มติ 11 เรื่องกลไกและกระบวนการสมัชชาสุขภาพขึ้น ประกอบด้วย 6 หมวด 13 ข้อ (โดยเฉพาะหมวดที่ 5 ข้อ 7 การกำหนดระเบียบวาระการประชุม และข้อ 8. การประชุมพิจารณาหาฉันทามติต่อระเบียบวาระการประชุม)
- สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ในฐานะฝ่ายเลขาฯ คณะกรรมการจัดสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ (คจ.สช.) ดำเนินงานตามมติอย่างต่อเนื่องในเรื่องต่าๆ ดังนี้
1. พัฒนากระบวนการพัฒนาร่างข้อเสนอเชิงนโยบายสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 7 พ.ศ.2557 เพื่อให้มีการจัดการอย่างเป็นระบบ มีกระบวนการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง สร้างความเป็นเจ้าของในประเด็นปัญหาร่วมกัน โดยเริ่มตั้งแต่
เชิงรับ ได้แก่ 1) ประเด็นที่เสนอจากองค์กร หน่วยงานและภาคีเครือข่ายต่างๆ 2) ประเด็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญที่เสนอจากคณะกรรมการ สุขภาพแห่งชาติ และคณะกรรมการชุดต่างๆ ที่แต่งตั้งโดยคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ และ 3) ประเด็นที่เกิดจากการทบทวนมติสมัชชาสุขภาพแห่งขาติที่ผ่านมา
เชิงรุก ได้แก่ การชักชวน กระตุ้น หนุนเสริม และการพัฒนาวิธีการแก่กลุ่มเครือข่ายต่างๆ
2. กระบวนการพิจารณาร่างระเบียบวาระการประชุม คณะกรรมการจัดสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ (คจ.สช.) โดยอนุกรรมการวิชาการ จัดกระบวนการสนับสนุนให้มีการกำหนดขอบเขตการพัฒนาด้วยการให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย การเปิดเวทีร่วมพัฒนาข้อเสนอฯ ก่อนการจัดทำร่างระเบียบวาระการประชุมสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ รวมทั้งการเตรียมความพร้อมด้วยการทำความเข้าใจในสาระของประเด็นดังกล่าวให้กับกลุ่มเครือข่ายก่อนการเข้าร่วมประชุมในงานสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ
3. กลุ่มเครือข่ายพื้นที่กำหนดจัดสัปดาห์รับฟังความคิดเห็นต่อร่างระเบียบวาระสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 7 พ.ศ.2557
- ในส่วนของการสื่อสารทำความเข้าใจกับคณะกรรมการและองค์กรภาคีที่เกี่ยวข้อง นพ.อำพล จินดาวัฒนะ เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ได้มีการพยายามดำเนินการอย่างเข้มแข็งในการสร้างความเข้าใจต่อหลักการและแนวคิดในเรื่อง สมัชชาสุขภาพที่พึงประสงค์ และหลักการของการพัฒนานโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพแบบมีส่วนร่วม โดยนำความรู้เรื่องการอภิบาลใน 3 รูปแบบได้แก่ 1) การอภิบาลโดยรัฐ 2) การอภิบาลโดยตลาด 3) การอภิบาลแบบเครือข่าย ซึ่งแนวทางการอภิบาลจะเป็นเรื่องที่มีความสัมพันธ์กับวิถีประชาธิปไตย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลักการของประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม กับการอภิบาลแบบเครือข่าย
- เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2558 การประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนและติดตามมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ สังคม และสุขภาวะ ที่มี รศ.ดร.วิทยา กุลสมบูรณ์ เป็นประธาน พร้อมด้วยหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง เพื่อหากลยุทธ์ขับเคลื่อนมติต่อไป ที่ประชุมรับทราบว่า ขณะนี้ได้มีการเสนอให้ทบทวน (Revisit) มติฯ เช่น “การจัดการปัญหาหมอกควันที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ” , “มาตรการสังคมไทยไร้แร่ใยหิน” , “นโยบายแห่งชาติเพื่อการพัฒนาระบบสุขภาพในพื้นที่พหุวัฒนธรรมในจังหวัดชายแดนภาคใต้” เนื่องจากมีข้อจำกัดในการขับเคลื่อนและสถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไป เป็นต้น และได้ขอความร่วมมืออนุกรรมการแต่ละท่าน ช่วยติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานแต่ละมติ ด้วยการประสานงานและร่วมประชุมกับกลไกหลักๆ ถึงความก้าวหน้าการดำเนินงานตามมติฯ รูปธรรมความสำเร็จ ปัญหา อุปสรรค หรือข้อจำกัดต่างๆ โดยขอให้นำมาเสนอในการประชุมอนุกรรมการฯครั้งถุดไป เพื่อรวบรวม วิเคราะห์ข้อมูล และวางแผนการขับเคลื่อนต่อไป
- เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2558 ในการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและติดตามมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2558 ณ ห้องประชุมอาคารสุขภาพแห่งชาติ ที่ประชุมได้รายงานความก้าวหน้าในการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนและติดตามมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพสังคมและสุขภาวะ ที่มี รศ.วิทยา กุลสมบูรณ์ เป็นประธาน และ นางวณี ปิ่นประทีป เป็นรองประธาน มีคณะกรรมการจากองค์กร หน่วยงาน และผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้อำนวยการสำนักสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ เป็นอนุกรรมการและเลขานุการ มีอำนาจและหน้าที่วิเคราะห์และวางแนวทางการดำเนินงานตามมติสมัชชาสุขภาพฯ ไปสู่การปฏิบัติตามทิศทางแนวทางที่ คมส. กำหนด รวมถึงส่งเสริม สนับสนุนและแสวงหาความร่วมมือจากหน่วยงานองค์กรและภาคีเครือข่ายในการขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติที่เกี่ยวข้องกับกลไกหลักด้านการแพทย์และสาธารณสุขด้วยมาตรการเชิงรุก รายงานผลการดำเนินงาน ให้ข้อเสนอแนะต่อการพัฒนาการดำเนินงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องต่อ คมส. อย่างต่อเนื่อง และแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อดำเนินการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องตามความจำเป็นนั้น ได้มีการประชุมจำนวน 2 ครั้ง และมีความก้าวหน้าดังนี้
1. การวิเคราะห์มติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติเพื่อกำหนดแนวทางการขับเคลื่อนมติฯ โดยพิจารณาจากปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กลไก/หน่วยงานขับเคลื่อนมติฯ ความก้าวหน้าการขับเคลื่อนมติฯ ความต่อเนื่องการขับเคลื่อนมติฯ จำนวน ๓๔ มติ จึงนำมาสู่การกำหนดรูปแบบการขับเคลื่อนมติฯ 5 กลุ่ม คือ Retire Revisit Regroup Rearrange Report
2. การทบทวนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติที่ผ่านมา จากการติดตามความก้าวหน้าการขับเคลื่อนมติฯ พบว่า มีมติฯ ที่เสนอให้ทำการทบทวนเพื่อแก้ไขปรับปรุง จำนวน 2 มติ ได้แก่ มติ 3.1 มาตรการทำให้สังคมไทยไร้แร่ใยหิน เสนอจากที่ประชุมคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) ครั้งที่ 3/2558 เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 และ มติ 5.4 การจัดการปัญหาหมอกควันที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ เสนอโดยมูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนภาคเหนือ และภาคีเครือข่าย ซึ่งคณะอนุกรรมการฯ เห็นชอบให้ดำเนินการ ดังนี้
2.1 แต่งตั้งคณะทำงานทบทวนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 3 พ.ศ. 2553 มติ 1 มาตรการทำให้สังคมไทยไร้แร่ใยหิน โดยมี ศ.พรชัย สิทธิศรัณย์กุล เป็นประธาน และให้คณะทำงานฯ ดำเนินการทบทวนปรับปรุงมติฯ นำข้อเสนอทางวิชาการจาก คสช. ไปพิจารณาและรายงานต่อคณะอนุกรรมการฯ เพื่อเสนอต่อ คมส. พิจารณาต่อไป ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการจัดสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2558
2.2 ให้มีการพิจารณาทบทวนปรับปรุงมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 5 พ.ศ.2555 มติ 4 การจัดการปัญหาหมอกควันที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ และแต่งตั้งคณะทำงานทบทวนมติฯ ดังกล่าว
3. จากการติดตามการขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพแห่งขาติฯ ภายใต้แนวทางการพัฒนาระบบและกลไกขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ การประสานความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ที่ขับเคลื่อนมติฯ พบว่ามีหน่วยงาน เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นต้น ได้ให้ความร่วมมือในการขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ
- เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2558 สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ได้จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ระหว่าง คณะทำงานพัฒนาข้อเสนอนโยบายเฉพาะประเด็น และ คณะอนุกรรมการวิชาการ ครั้งที่ 2 โดยมี นพ.ประสิทธิ์ชัย มั่งจิตร ประธานคณะอนุกรรมการวิชาการ เป็นประธาน โดยที่ประชุมคณะทำงานฯ ได้รายงานความก้าวหน้า ของการดำเนินงานในแต่ละประเด็น และข้อคิดเห็นเพื่อนำไปพัฒนาให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง สำหรับการเสนอนโยบาย แผนงาน หรือยุทธศาสตร์ เพื่อให้คณะรัฐมนตรีพิจารณานั้น ต้องมีความชัดเจน 3 ประการ ประกอบด้วย 1). Roadmap ในการดำเนินงาน กำหนดระยะเวลาตั้งแต่ 3 เดือน , 6 เดือน , 9 เดือน ไปจนถึง 1 ปี 2) เป้าหมาย ผลสัมฤทธิ์ และตัวชี้วัดที่ชัดเจน สามารถติดตามประเมินผลได้ 3) แผนงบประมาณ ที่สอดคล้องกับแผนปฏิบัติงาน ทางคณะอนุฯวิชาการ เห็นพ้องว่าจำเป็นต้องทำให้เกิดการมีส่วนร่วมจากทุกระดับ และการกำหนดนิยามระหว่างคำว่า ระบบบริการสุขภาพเขตเมือง และระบบสุขภาพเขตเมือง เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการดำเนินงานระยะต่อไป ที่ประชุมสรุปว่า หลังจากนี้ ทางคณะทำงานแต่ละประเด็น จะมีการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นย่อยร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย หรือ Stakeholder ในช่วงปลายเดือนตุลาคมนี้ เพื่อพัฒนาเอกสาร(ร่าง)มติ ให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้นต่อไป
- เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2559 น.พ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธาน การประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนและตามมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์และสาธารณสุข กล่าวในการประชุม เมื่อวันที่ 29 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า มติที่ต้องดำเนินการเร่งด่วน ทุกฝ่ายต้องมาช่วยกันพิจารณาว่า ทำอย่างไร จึงจะขับเคลื่อนไปได้ ส่วนมติที่ขับเคลื่อนไปได้แล้ว ทางคณะอนุกรรมการฯ จะทำหน้าที่เพียงแค่ติดตามดูเท่านั้น ทั้งนี้ ที่ประชุมได้หยิบยกประเด็น “การส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างผู้ป่วยและญาติ กับบุคลากรทางการแพทย์” ซึ่งเป็นมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติครั้งที่ ๑ ขึ้นมา เพราะแม้จะมีกระบวนการปรับปรุงการให้บริการในระบบสาธารณสุข และสร้างกลไกต่างๆ ที่เอื้อต่อการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างผู้ป่วยและญาติ กับบุคลากรสาธารณสุขแล้ว....แต่ปัญหาระหว่างผู้รับบริการและผู้ให้บริการ ยังคงมีอยู่ อีกทั้งสถานการณ์รุนแรงขึ้น เนื่องจากเรื่องนี้ยังขาดเจ้าภาพหลักในการขับเคลื่อนการทำงาน ที่ประชุมมอบหมายให้ นางสาวสุรีรัตน์ ตรีมรรคา ผู้ประสานงานกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ ตัวแทนภาคประชาชน เป็นเจ้าภาพหลักในการวิเคราะห์ปัญหาให้ชัดเจน เพื่อหาแนวทางขับเคลื่อนการทำงานต่อไป และนำมาหารือในที่ประชุมครั้งหน้า พร้อมกับดึงภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง มาร่วมทำงานด้วย อาทิ ศูนย์สันติวิธี กระทรวงสาธารณสุข
อีกมติ คือ “เป้าหมายในการป้องกันและควบคุมโรคไม่ติดต่อของประเทศไทย” มติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติครั้งที่ 6 ได้ถูกนำมารายงานความก้าวหน้าในที่ประชุมครั้งนี้ โดยศูนย์พัฒนานโยบายและยุทธศาสตร์ แผนงานโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค ปัจจุบัน การแก้ไขป้องกันโรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่สำคัญ (NCDs) ได้รับความสนใจจากภาคส่วนต่างๆ โดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุข ที่อยู่กำลังขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การป้องกันโรค NCDs เพราะถือเป็นกลุ่มโรคที่เป็นปัญหาสุขภาพอันดับหนึ่งของโลกและประเทศไทย แต่เนื่องจากการป้องกันโรคกลุ่มนี้ ไม่สามารถดำเนินการโดยกระทรวงสาธารณสุขเท่านั้น แต่ต้องจัดการสภาพแวดล้อมที่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่างๆด้วย ประเด็นนี้ จึงต้องบูรณการการทำงาน ระหว่างภาคส่วนต่างๆ โดยจะมีการรับฟังความเห็น ในวันที่ ๑๐ มี.ค.นี้ ต่อ ร่างแผนปฏิบัติการบูรณาการยุทธศาสตร์การป้องกันและควบคุมโรคไม่ติดต่อในประเทศไทย ที่ตอบสนองต่อ 9 เป้าหมาย ซึ่งได้นำกรอบการติดตามและประเมินผลของ องค์การอนามัยโลก (WHO) และองค์การสหประชาชาติ (UN) มาใช้ เพื่อผลักดันแผนไปสู่คณะรัฐมนตรีต่อไป
ทั้งนี้ ขอให้มติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติที่จะต้องขับเคลื่อนทุกมติ พยายามปรับโรดแมพการทำงานให้อยู่ในระยะไม่เกินปี 2560 เพื่อให้สอดคล้องกับช่วงเวลาการบริหารของรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งจะทำให้มติมีเส้นทางที่ชัดเจน ก่อนจะส่งต่อไปยังรัฐบาลต่อไป” นพ.ศุภกิจ ย้ำแนวทางและทิศทางการทำงานต่อที่ประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนและตามมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์และสาธารณสุข
- เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2559 คณะกรรมการขับเคลื่อนและติดตามการดำเนินงานตามมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ” หรือ คมส. ที่มี ศ.คลินิกเกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานได้มีการประชุม คมส. ครั้งที่ 2/2559 ซึ่งในที่ประชุม น.พ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข ประธาน คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนและติดตามมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์และสาธารณสุข รายงานความก้าวหน้า คมส. ในมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติครั้งที่ 8 เรื่อง “ระบบสุขภาพเขตเมือง : การพัฒนาระบบบริการสุขภาพอย่างมีส่วนร่วม” ซึ่งขณะนี้ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ เพราะมีคนหลั่งไหลเข้ามาใช้ชีวิตในเมืองเพิ่มขึ้น และผู้ให้บริการสุขภาพมีมาก แต่การดูแลประชาชนอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะบริการระดับปฐมภูมิยังไม่เพียงพอ ดังนั้น ทาง สธ. จะร่วมกับภาคีเครือข่ายจัดทำยุทธศาสตร์ว่าด้วยระบบสุขภาพเขตเมือง เพื่อให้เกิดการแก้ปัญหาอย่างบูรณาการ ก่อนขับเคลื่อนสู่ภาคปฏิบัติต่อไป
ในส่วนของมติ “นโยบายลดการบริโภคเกลือและโซเดียมเพื่อลดโรคไม่ติดต่อ (NCDs)” นพ.ศุภกิจ รายงานว่า จะจัดทำยุทธศาสตร์ให้เสร็จภายใน 1 ปี พร้อมทำแผนปฏิบัติการ สร้างมาตรฐานฉลาก รวมถึงเสนอคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ วันที่ 25 มีนาคม 2559 นี้ เพื่อให้นโยบายให้ลดบริโภคเกลือเป็นวาระแห่งชาติ
ประเด็น “วิกฤติการณ์เชื้อแบคทีเรียดื้อยาและการจัดการปัญหาแบบบูรณาการ” ซึ่งถือเป็นปัญหาระดับโลก ที่ขยายวงมาถึงประเทศไทยแล้ว โดยในสมัชชาสุขภาพแห่งชาติครั้งที่ ๘ ต้องการให้มีการจัดการปัญหาอย่างบูรณาการ มีกลไกหลักคือ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และภาคส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยจะประสาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกันผลักดันประเด็น วิกฤติการณ์เชื้อดื้อยาฯ ให้เป็นวาระแห่งชาติ และจัดทำแผนยุทธศาสตร์ปี 2559-2561 โดยต้องเปิดรับฟังความคิดเห็น ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
นอกจากนั้น นพ.ศุภกิจ ยังรายงานความก้าวหน้าของประเด็น “การส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างผู้ป่วยและญาติ กับบุคลากรทางการแพทย์” มติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 1 ซึ่งมีการขับเคลื่อนมติสมัชชาฯสุขภาพ ไม่มากนัก และมอบให้ นางสาวสุรีรัตน์ ตรีมรรคา อนุกรรมการฯ จากกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ ตัวแทนภาคประชาชน เป็นเจ้าภาพหลักในการวิเคราะห์ปัญหา และทบทวนว่าต้องดำเนินการเพิ่มเติมอย่างไร
สำหรับ คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนและติดตามมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพสังคมและสุขภาวะ ที่มี รศ.วิทยา กุลสมบูรณ์ เป็นประธาน ได้รายงานความก้าวหน้าต่อ คมส. ใน 3 ประเด็น ประกอบด้วย 1.การแก้ปัญหาอุบัติเหตุทางถนน ที่ขณะนี้มุ่งเน้นให้ชุมชนคนพื้นที่ เข้ามามีส่วนร่วมในการลดปัญหาอุบัติเหตุมากขึ้น 2.กลุ่มมติเกษตร อาหาร และโภชนาการ มอบให้ รศ.ดร.จิราพร ลิ้มปานานนท์ เป็นประธานคณะทำงานขับเคลื่อน โดยโฟกัสไปที่อาหารที่ผลิตจากสินค้าเกษตร ซึ่งจะพิจารณาตั้งแต่ระดับ ต้นน้ำ คือมาตรฐานการผลิตและนำเข้าที่ปลอดภัย กลางน้ำ คือการบังคับใช้กฎระเบียบ มีปัญหาอะไรบ้าง และต้องปรับปรุงอย่างไร และปลายน้ำ คือพื้นที่ชุมชน ที่เป็นตัวอย่างความสำเร็จ (Small Success) ในการลดใช้สารเคมีเกษตร 3. กลุ่มเด็กกับสื่อ ได้แก่ ผลกระทบจากสื่อต่อเด็กเยาวชนและครอบครัว และการจัดการสภาพแวดล้อมรอบตัวเด็ก ๒๔ ชม. : กรณีเด็กไทยกับไอที มอบให้ ดร.ธีรารัตน์ พันทวี วงศ์ธนะเอนก เป็นประธาน และจะประสาน “ครูหยุย” วัลลภ ตังคณานุรักษ์ สนช. เข้าร่วมต่อไปด้วย