- เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2558 ในการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนและติดตามมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพสังคมและสุขภาวะ ครั้งที่ 2/2558 ณ ห้องประชุมอาคารสุขภาพแห่งชาติ ที่ประชุมได้รายงานการทำงานร่วมกับหน่วยงานกระทรวงมหาดไทย โดยกระทรวงมหาดไทยได้ให้ความสำคัญและมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 7 พ.ศ.2557 หนังสือที่ มท 0891.3/ว 4798 ลงวันที่ 21 สิงหาคม 2558 ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เรื่อง การขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 7 พ.ศ.2557 โดยมีมติที่เกี่ยวข้อง จำนวน 3 มติ ได้แก่ มติ 7.1 การพัฒนานโยบายสาธารณะเพื่อบูรณาการกลไกคุ้มครองเด็ก เยาวชน และครอบครัวจากปัจจัยเสี่ยง มติ 7.3 การกำจัดปัญหาพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดีในประชาชน มติ 7.4 การจัดการสเตอรอยด์ที่คุกคามสุขภาพคนไทย โดยให้จังหวัดรวบรวมรายงานการผลการดำเนินการจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นทราบ ภายในวันที่ 30 ตุลาตม 2558
- เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2559 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติและเห็นชอบแผนยุทธศาสตร์ทศวรรษกำจัดปัญหาพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี ป 2559-2568 ตามที่กระทรวงสาธารณสุข เสนอ ดังนี้
- อนุมัติแผนยุทธศาสตร์ทศวรรษกำจัดปัญหาพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี
ปี 2559-2568 เพื่อให้ส่วนราชการ หน่วยงาน องค์กรต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคประชาชน ใช้เป็นกรอบการดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง - เห็นชอบแนวทางการขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ 2 ระยะ โดย
2.1 ระยะเริ่มต้น 3 ปี (2559-2561) เป็นโครงการรณรงค์การกำจัดปัญหาโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดีถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นครองราชย์ครบ 70 ปี ในปีพุทธศักราช 2559 พร้อมทั้งเสด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จะทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา ตลอดจน ในปีพุทธศักราช 2560 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะทรงเจริญพระชนมพรรษา 90 พรรษา
2.2 ระยะที่ 2 เป็นการขับเคลื่อนตามมาตรการของแผนยุทธศาสตร์ในระยะเวลาที่เหลือ (2562-2568) เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของแผนยุทธศาสตร์ ส่งผลให้การกำจัดปัญหาพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดีเกิดความยั่งยืน และผลักดันให้เป็นการดำเนินงานในแผนงานปกติในอนาคตต่อไป
3. สนับสนุนงบประมาณการขับเคลื่อนตามมาตรการของแผนยุทธศาสตร์เพื่อให้สามารถดำเนินการกำจัดปัญหาพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดีได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความยั่งยืนในอนาคต
4. มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขนำแผนดังกล่าวมาจัดทำเป็นแผนปฏิบัติการตามกรอบระยะเวลาการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล (ถึงเดือนกรกฎาคม 2560) ทั้งนี้ กิจกรรมใดที่เป็นการดำเนินการ
ซึ่งเกินกว่ากรอบระยะเวลาการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล ให้นำเรื่องดังกล่าวบรรจุไว้ในแผนปฏิรูปเพื่อให้รัฐบาลชุดต่อไปที่จะเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินพิจารณาดำเนินการต่อไป เพื่อให้เป็นไปตามนัยมติคณรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2559 เรื่อง การเสนอโครงการที่ต้องขออนุมัติงบประมาณจากคณะรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2559 กระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินการงานโครงการแก้ไขปัญหาและมะเร็งท่อน้ำดี ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นครองราชย์ครบ 70 ปี ในปีพุทธศักราช 2559 พร้อมทั้งสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จะทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา ตลอดจนในปีพุทธศักราช 2560 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะทรงเจริญพระชนมพรรษา 90 พรรษา พร้อมกันนี้ ได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์“ทศวรรษกำจัดปัญหาพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี พ.ศ. 2559-2568” ได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้วเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2559 ตั้งเป้าใน 10 ปีข้างหน้า คนไทยจะติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับ น้อยกว่าร้อยละ1 หรือ 6แสนราย กลุ่มเสี่ยงมะเร็งท่อน้ำดี ได้รับการคัดกรองและรักษา ลดอัตราการเสียชีวิตลง ร้อยละ 50 ชุมชนมีความตระหนัก มีส่วนร่วมแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน มีสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัย ปลาที่บริโภคปลอดโรคพยาธิ โดยปลาธรรมชาติมีพยาธิน้อยกว่า ร้อยละ 1 โดยใช้ 5 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ 1.ปลาปลอดพยาธิ 2.คนปลอดพยาธิ โดยการคัดรกองพยาธิใบไม้ตับ และรณรงค์การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน 3.คัดกรองมะเร็งท่อน้ำดี ด้วยเครื่องอัลตราซาวด์ 4.การส่งต่อและรักษาหวังผลรักษาหายขาด ตลอดจนการรักษาแบบประคับประคอง และ5.ระบบสนับสนุน ด้วยการจัดทำฐานข้อมูล รอบรมบุคลากร การวิจัยและการให้ความรู้กับประชาชน เป็นต้น สำหรับการดำเนินงานในปี 2560 จะขยายพื้นที่ดำเนินการจาก 84 ตำบลเป็น 190 ตำบล ใน 27 จังหวัดที่มีอัตราการติดเชื้อสูงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือและภาคกลาง พร้อมทั้งตรวจคัดกรองพยาธิใบไม้ตับในประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไปให้ได้ 129,200 ราย ตรวจคัดกรองมะเร็งท่อน้ำดี ในประชาชนอายุ 40 ปีขึ้นไป 160,000 ราย รักษาด้วยการผ่าตัดผู้ป่วยใหม่ 800 ราย การดูแลประคับประคอง 7,500 ราย จัดการเรียนการสอน และจัดการสิ่งแวดล้อมและสิ่งปฏิกูล ครอบคลุมพื้นที่เป้าหมาย 190 ตำบล